วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

REVIEW :: LAPCOS Color Fit Shadow Kit อายแชโดว์พาเลทโทนชมพูพีช สายเกาต้องปลื้ม!!

ฮัลโหลลลล สวัสดีค่าทุกคน มาเจอกันอีกแล้ว
ช่วงนี้มานานๆถี่เนอะ :D

วันนี้เราจะมาโชว์และเห่อพาเลทอายแชโดว์ที่เพิ่งซื้อมาให้ทุกคนเกิดกิเลสไปพร้อมๆกัน
บอกก่อนว่าเราอกหักอย่างแรงกับอายแชโดว์ของ MAC รุ่นลิมิเต็ด Lunar New Year 2018
เสียใจมาก เพิ่งมาอยากได้น้องในวันที่สายไป T_T
เราเลยจัดการระงับความเสียใจนั้นด้วยพาเลท Lapcos ที่เรามโนไปเองว่าโทนสีน่าจะคล้ายๆกัน
อีกอย่างคือได้ยินมาว่าแบรนด์นี้หาซื้อยาก เพราะในเกาหลีไม่ได้มีขายทั่วไป มีขายแค่เฉพาะที่เท่านั้น
เราเลยซื้อมาอย่างไม่ชั่งใจซักนิด...

Lapcos COLOR-FIT SHADOW KIT #04 Midnight Cocktail


โทนของ Lapcos เป็นโทนสีชมพูอมส้ม สีพีชๆที่หลายๆคนน่าจะชอบกัน
เบอร์ของพาเลทนี้คือเบอร์ 04 Midnight Cocktail

เรามาดูสวอชกันเลยจ้า


โทนสีน่ารักมากเว่อร์!!

เป็นโทนส้มชมพู ใช้ได้จริงใน everyday look

น้องๆมหาลัยใช้แต่งไปเรียนได้ไม่ดูแรงจนเกินไป

มีทั้งหมด 10 สี

แมทท์ 3 สี ชิมเมอร์ 4 สี และกลิตเตอร์ 3 สีจ้า

ชื่อสีและเนื้อของอายแชโดว์จ้า


โดยรวมๆคือเบลนง่ายทุกสีค่ะ ติดทนสำหรับเรา Fall out บ้างบางเนื้อของผลิตภัณฑ์
เนื้อแมทท์เป็นฝุ่นเล็กน้อยค่ะ สีก็ไม่ได้ชัดจนว้าว!!
เป็นเพราะตัวสีเองไม่ได้เข้ม เป็นโทนอ่อนๆ กำลังน่ารักเลย
เราชอบสี KAHLUAMILK มากกกๆ สีชัด สีน่ารัก เป็นน้ำตาลอมแดงที่ใช้ได้ทุกวัน
ส่วนเนื้อชิมเมอร์ เนื้อดี สีสวย สีชัดค่ะ
เป็นฝุ่นเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่เยอะเท่าเนื้อแมทท์
เราว่าอายแชโดว์เนื้อชิมเมอร์ของเกาหลี ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ทำออกมาได้ดีไปหมดดด
และสุดท้าย เนื้อกลิตเตอร์ อันนี้ Fall out เยอะที่สุดในบรรดาทั้ง 3 แบบ
ไม่ได้วิ้งแบบกระแทกตาไปดาวอังคาร
แต่เป็นวิ้งแบบคุณหนูผู้ดี กลิตเตอร์ไม่ใหญ่จนสากมือ
สีก็ชัดในระดับนึงถ้าใช้แปรง แต่ถ้าใช้นิ้วปาดสีจะชัดมากขึ้นจ้า


โดยรวม เราชอบนะคะ เต็ม 5 ดาวเราให้ 4 ดาว
หักไปดวงนึงเพราะเนื้อเป็นฝุ่นกว่าที่คิดไว้
จุดที่ชอบคือสีน่ารักกกกกกมากกกกๆๆ
เราไม่เคยมีพาเลทโทนสีนี้เลย ส่วนใหญ่จะมีแต่โทนแดง
พอมีโทนนี้รู้สึกว่าแต่งหน้าได้ลุคใสๆมากขึ้น
ได้ฟีลเมคอัพสไตล์เกาหลีมากๆ
เรื่องความชัดของสีไม่ได้ชัดปังขนาดนั้น อันนี้เราพอเดาออก
เพราะดูจากสวอชของบล็อกเกอร์เกาหลีสีก็ไม่ได้เว่อร์วัง
ถ้าเทียบเนื้อผลิตภัณฑ์,คุณภาพเหมาะสมกับราคาหรือไม่นั้น
เราว่าแอบแพง ._.
เราได้มาในราคา 990 บาท
(*หลังจากเราซื้อได้  2 วัน พาเลทนี้ก็ปรับราคาลงเป็น 890 บาท คืออัลไลลลล ._.)
ถ้าเทียบกับพาเลทของคัลเลอร์ป็อปที่ราคา800บาท
เราว่าของคัลเลอร์ป็อปคุ้มค่ากว่าเรื่องเนื้อผลิตภัณฑ์
แต่พาเลทของฝรั่งก็จะหาสีโทนน่ารักๆ อ่อนๆ ใสๆ แบบนี้ไม่ได้
เราก็เลยคิดว่า เออ ช่างมันเหอะ คิดซะว่าซื้อความน่ารักของสี :P


สำหรับใครที่มองหาพาเลทอาแชโดว์โทนสีชมพูส้มๆพีชๆประมาณนี้
ใช้แต่งได้ทุกวัน และเป็นสายเกา
ลองหาพาเลทนี้มาเล่นดูนะคะ
เราว่าหลายๆคนน่าจะชอบแน่นอน


สำหรับวันนี้ ไปแล้วค่า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
มีคำถามหรือขอติชม คอมเม้นท์ไว้ได้เลยจ้า
ถ้าอยากพูดคุยเล็กๆน้อยๆ เชิญที่ Twitter @moppypeach นะคะ
BYE BYEEEE~

วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2561

REVIEW :: SYNCHRO SKIN GLOW Luminizing Fluid Foundation รองพื้นผิวสวย ฉ่ำโกลว์ที่ถูกใจพี่!


สวัสดีค่ะทุกคนนนน 
วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะมารีวิวรองพื้นแบบยาวๆ

ยาวจนมาเขียนในบล็อก :3
ครั้งก่อนเราเคยรีวิวคุชชั่นของชิเซโด้ที่ชื่อรุ่นคล้ายๆกันไปแล้ว

ครั้งนี้เราจะมาเขียนถึงรองพื้นกันค่ะ





บอกก่อนว่าเราชอบคุชชั่นของชิเซโด้มากกกๆ 
มากขนาดที่ใช้หมดไป4-5ตลับแล้ว
เราแต่งหน้าทุกวัน ตลับนึงเฉลี่ยใช้ได้ประมาณ3เดือน
เราเลยคิดจะลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ลง :D
เพราะรีฟิลตลับนึงก็พันกว่าบาท จ่ายทุกๆ3เดือนก็ดูจะสิ้นเปลือง
เราเลยตัดสินใจซื้อรองพื้นที่วางขายในช่วงเวลาใกล้ๆกันกับคุชชั่น
ชื่อก็คล้ายๆกัน
เนื้อสัมผัสก็ใกล้เคียงกัน
ถามบีเอแล้วก็ได้ความว่า
แบบคุชชั่นจะมาในรูปแบบของตลับค่ะ ส่วนรองพื้นจะมาในรูปแบบลิคควิด
(เอิ่มมม ช่วยได้มากกกก)



แต่ไม่เป็นไร เราหารีวิวอ่านเองก็ได้

.
.
.

หาไม่มีเลยค่ะ T__T
รีวิวของผู้ใช้ชาวไทยไม่มีเลยยย หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
เจอแต่รีวิวในเว็บ Vanilla 1 รีวิวถ้วน
ซึ่งเขาบอกว่าดี
เราก็ไม่ยอมแพ้ หารีวิวของญี่ปุ่นอ่านก็ได้ T.T
ข้อมูลที่เราพบคือ ช่วงเวลาที่เราหาข้อมูล รองพื้นตัวนี้อยู่ในอันดับหนึ่งของหมวด Liquid Foundation ในเว็บ @cosme
รีวิวของคนญี่ปุ่นทะลักทลายมาก
ทุกคนต่างบอกว่า รองพื้นตัวนี้มีความโกลว์ มีความฉ่ำ เกลี่ยง่าย ใช้แล้วผิวสวย
แต่บางคนก็บอกว่า ชั้นชอบมากแต่ใช้แล้วคัน 
รองพื้นเหลวเกินไปเพราะชั้นใช้ชาแนลมาตลอด
ใช้ดีนะ แต่ใต้ตาชั้นยังเป็นหมีอยู่เลย
เป็นต้น
แต่ท้ายที่สุด รองพื้นตัวนี้ก็ได้รับอันดับ 1 ในหมวด Liquid Foundation 
ของเว็บ @cosme ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2017



เราแอบกังวลอยู่จุดเดียวคือ ใช้แล้วจะแพ้ จะคัน
แต่จากประสบการณ์การแต่งหน้าและใช้สกินแคร์ เราไม่เคยแพ้
เพราะงั้น ซื้อเลยเถอะ!!



เราตามหารองพื้นตัวนี้อย่างเรื่อยๆไม่จริงจังอยู่เกือบเดือน
ครั้งแรกเห็นว่าเคาน์เตอร์ชิเซโด้ลดราคา
เราก็เลยไปซื้อที่ TOKYUปรากฏว่า สีที่เราใช้หมด
ไปซื้อที่โรบินสันซีคอน สีที่เราใช้ก็หมดอีก
เราเลยไปซื้อที่เคาน์เตอร์เซ็นทรัล พนังงานหาอยู่นานมาก แล้วก็เจอ เหลือขวดสุดท้ายพอดี T_T
สีที่เราใช้คือ Golden2
**ถ้าใครใช้คุชชั่นของชิเซโด้อยู่ ใช้รองพื้นเบอร์เดียวกันได้เลยนะคะ**



ก่อนจะบอกว่าเราใช้แล้วเป็นยังไง
มาดูคุณสมบัติของรองพื้นตัวนี้กันค่ะ





อ่านคุณสมบัติดูแล้ว เหมือนกับว่ารองพื้นตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนผิวแห้ง ไปจนถึงผิวผสม
*เราผิวผสม มันบริเวณจมูก และหน้าผากเล็กน้อย


กดออกมา 1 ปั๊ม เกลี่ยได้ไกลและทั่วมากๆ สมแล้วที่คนญี่ปุ่นบอกว่า 伸びがいい (เกลี่ยได้ดี, เกลี่ยง่าย)






ผลการใช้
ชอบมากค่ะ
เราชอบลุคไม่แมทอยู่แล้ว ชอบความผิวสวยแม้จะเห็นรอยสิวบ้างเล็กน้อย
(เราใช้รองพื้นนี้คู่กับ Beauty Blender จ้า)
รองพื้นตัวนี้ปกปิดเล็กน้อย - ปานกลาง
บิ้วได้ไม่ดูหนาจนเกินไป
มีชิมเมอร์เล็กมากๆอยู่ในเนื้อรองพื้น
ทำให้ผิวดูฉ่ำ โกลว์ และวาวมาก ผิวดูสวย สุขภาพดี 
อิ่มน้ำเหมือนดื่มน้ำ8แก้วทุกวันเป็นประจำ :D

ตอนเราใช้ ระหว่างวันเราพยายามถามเพื่อนว่า หน้ามันยัง?
เพื่อนบอกว่า “หน้ามึงไม่มัน แต่หน้ามึงวาว”
ฮ่าาาาาาๆๆๆ นั้นแหละทุกคน
รองพื้นตัวนี้ได้ลุคผิวสวยมากๆๆ ฉ่ำโกลว์ และวาว
รอยสิว รอยคล้ำใต้ตาต่างๆอาจจะต้องใช้คอนซิลเลอร์ช่วย
ซึ่งเราโอเคจุดนี้เพราะใช้คอนซิลเลอร์ปิดใต้ตาอยู่แล้วตามปกติ
สามารถเบลอรูขุมขนได้ เพราะเรารู้สึกว่าหน้าเนียนนนนน
รองพื้นเนื้อไม่ข้น ออกไปทางเหลวๆ
ไม่หนักหน้าเลยย สบายผิวมากๆ
เรื่องคุมมัน เราว่าคุมได้ในระดับนึง 3-4ช.มสำหรับคนผิวผสม
หลังจากนั้นจะเริ่มมันบริเวณจมูก
พอใช้กระดาษซับหน้ามันซับจะมีชิมเมอร์ติดกระดาษออกมา แต่รองพื้นไม่หลุดเด้ออ
แต่พอใช้กระดาษทิชชู่ซับ กลับมีรองพื้นหลุดออกมานิดหน่อย :D
สำหรับเราหน้าไม่เยิ้ม ไม่ไหลระหว่างวันนะคะ
อาจจะเป็นเพราะเราใช้แป้งฝุ่นเซ็ททั่วหน้า
ซึ่งแป้งที่เราใช้คือแป้งที่คุ้มมันดีมากกก แป้ง laura mercier นั่นเอง~
(จริงๆเราแอบคิดว่าการใช้แป้งฝุ่นที่คุ้มมันดีๆซักตัวก็ช่วยให้รองพื้นจะคุมมัน ไม่ไหลเยิ้มเหมือนกัน)

แทบหาความต่างไม่เจอ เกลี่ยแล้วสีรองพื้นเนียนไปกับผิวเราเลย




สรุป 
รองพื้นของชิเซโด้ตัวนี้เหมาะกับคนที่ชอบให้ผิวฉ่ำๆ โกลว์ ได้ลุคที่ผิวสวย สุขภาพดี คุมมันปานกลาง ใช้แป้งเซ็ทจะคุมมันดียิ่งขึ้น
★★★★★
5 ดาวเลยจ้า



ทั้งหมดทั้งมวลนี้ราคาอยู่ที่ 1,800 บาท
(เราได้ลด10% ราคาอยู่ที่ 1,620 บาท)




สำหรับวันนี้ไปแล้วค่า
มีคำถามหรือติชมใดๆ คอมเม้นท์ไว้ได้เลยนะคะ
หรืออยากพูดคุย ดูรีวิวอื่นๆเล็กๆน้อยๆได้ที่
Twitter @moppypeach
ขอบคุณที่อ่านเข้ามาอ่านนะคะ
Bye Byyee~~


วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2561

REVIEW :: BLUSHER FOR AUTUMN AND WINTER บลัชสีแดงกุหลาบแห้งสำหรับฤดูหนาว

เผลอแป๊บเดียว ไทยก็หายหนาวแล้ว (ฮ่าาาาๆ)
บลัชออนสีแดงกุหลาบตุ่นๆที่เตรียมไว้ใช้หน้าหนาวยังไม่ทันได้ใช้ให้คุ้มเลย
วันนี้เลยจะมาแนะนำบลัชที่แดงตุ่นๆ กุหลาบแห้งสำหรับปัดหน้าหนาว หรือใจรักจะปัดฤดูไหนก็ได้จ้า




ที่เข้ารอบและเราคิดว่าเหมาะกับหนาวนี้มี 2 ตัวด้วยกัน
ล้วนแต่เป็นบลัชเกาหลีที่ต้องพรีนะคะ (หาซื้อยากนิดนึง ขอโทษค่ะ T_T)



อันแรก 
Tonymoly CHEEKTONE #P10
บลัชตลับสี่เหลี่ยม สีแดงกุหลาบแห้ง ดูในตลับเป็นสีแดงแต่สวอชออกมาแอบอมชมพูนิดๆ
เนื้อมีชิมเมอร์เล็กๆสีทองๆอยู่ ปัดแล้วแก้มจะฉ่ำๆ โกลว์ๆตามจำนวนชิมเมอร์ที่อยู่ในเนื้อบลัช
แต่ถึงจะมีชิมเมอร์ก็เนื้อดี ไม่สากนิ้วเด้อ 
เราเคยใช้บลัชบางอัน เอานิ้ววนๆแล้วแอบสากนิ้วเพราะเนื้อชิมเมอร์ใหญ่เกินไป ._.
สำหรับผิวผสมอย่างเรา สีชัด ติดทนด้วยนา แต่สำหรับคนผิวมันไม่รู้จะติดทนแค่ไหนนะคะ
ใครที่แอบกลัวว่าสีดูแดงก่ำแบบนี้จะใช้ทุกวันได้ไหม ใช้ได้ค่ะ 
เราปัดทุกวัน สีน้องไม่ได้แรงขนาดนั้น
ราคาตามร้านพรีจะอยู่ที่ 100ปลายๆ - 200กว่าบาทจ้า



อันที่สอง 
the SAEM Saemmul #RD02 Dry Rose
บลัชของ the SAEM ตลับใหญ่มากกกกกกกก ใช้เมื่อไหร่จะหมดก็ไม่รู้
สิ่งที่กระแทกเข้าหน้าครั้งแรกที่ใช้คือ กลิ่นค่ะ
น้องมีกลิ่นกุหลาบอย่างแรง แรงจนเกือบฉุน
ส่วนตัวไม่ค่อยชอบกลิ่นกุหลาบอยู่แล้วเลยไม่ปลื้มจุดนี้เท่าไหร่
ส่วนเรื่องสี จะบอกว่าสีชัดมากกกกก มากจนตกใจ
อาจจะเป็นเพราะน้องเป็นเนื้อแมท และสีเข้ม พอสวอชออกมาเลยสีตามในตลับเป๊ะๆ
สีออกแนวกุหลาบแห้ง แดงก่ำๆ 
สีชัด ติดทนมาก และเพราะน้องเป็นเนื้อแมทเลยให้ลุคที่ดูเหมือนจะธรรมชาติแต่ไม่ธรรมชาติ
อ่ะ งงไม่งง ที่บอกว่าเป็นธรรมชาติ คือ ปัดแล้วจะดูแก้มเป็นพวงแดงก่ำๆ กลืนไปผิว 
เหมือนเด็กน้อยที่โดนอากาศหนาวและหิมะกัดแก้ม
แต่ที่ไม่เป็นธรรมชาติ คือ ไทยร้อนมาก เอาอากาศหนาวและหิมะที่ไหนไปกัดแก้มล่ะแก
ฮ่าาาาาๆๆ แต่ก็นั้นแหละ เราสามารถใช้เหตุผลที่ว่าร้อนเกินไปจนแก้มแดงได้
สรุปคือ ใช้บลัชตัวนี้ได้ทุกวัน เพราะไทยร้อนทุกวันเด้อออ
ราคาตามร้านพรีจะอยู่ที่ 100ปลายๆ - 200กว่าบาทจ้า


สำหรับใครที่ชอบเมคอัพลุคตาช้ำๆ ใต้ตาแดงๆก่ำๆ 
บลัชสองตัวนี้ตอบโจทย์มากๆ
ใช้บลัชแทนอายแชโดว์ปัดเชื่อมบริเวณใต้ตาไปถึงกลางตาหรือจะถึงหัวตาก็แล้วแต่ความตาช้ำที่ทุกคนชอบ
จะได้ลุคตาช้ำๆ สไตล์สาวญี่ปุ่นสมใจ
แอบบอกว่าเราปัดทุกวันเลยแหละ ฮิฮิ

สำหรับวันนี้ไปแล้วนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนถึงตรงนี้
มีคำถามหรือคำแนะนำ ติชมใดๆ คอมเมนท์ไว้ได้เลยจ้า
เลิฟฟ